ทำไมทั่งโลกพูดถึงการออกแบบ Low Carbon Architecture ?
ใบบทความนี้ทางทีมได้อ้างอิง การประชุม COP28 ในปีที่ผ่านมาโดยมีหัวข้อในวงการการออกแบบสถาปัตยกรรมและการก่อสร้างอาคารเป็นส่วนหนึ่งในหัวข้อของการพูดคุยในเวที COP28 หรือ การประชุมภาคี แห่งสหประชาชาติ ปี 2023 จัดขึ้นที่ดูไบระหว่าง วันที่ 30 พฤศจิกายนถึง 13 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น
การประชุมประจำปีได้รวบรวมตัวแทนจาก 198 ประเทศ รวมถึงผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อหารือและสร้างกลยุทธ์เพื่อจำกัดขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและ ผลข้างเคียงของมัน เพื่อเป้าหมายสูงสุดของการประชุมเหล่านี้คือการหาวิธีจำกัดอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับช่วงก่อนอุตสาหกรรม ขณะนี้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.2 องศาเซลเซียสแล้ว
ที่สำคัญวงการสถาปัตยและอุตสาหกรรมการก่อสร้างส่วนใหญ่ เป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น39% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก
สถาปนิกและนักวางแผนการออกแบบเมืองจึงมีความสนใจร่วมกันในการกำหนดผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดระดับนานาชาติในครั้งนี้อย่างมาก
จากการประชุมของ เวที COP28 หรือ การประชุมภาคี แห่งสหประชาชาติ ปี 2023
ส่งผลอย่างไรต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการออกแบบสถาปัตยกรรม ?
จากที่ทีมงานได้มีการศึกษาเรื่องนี้ในต่างประเทศพบว่า โครงการการออกแบบนั้นมุ่งสู่การสร้างสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำ เพื่อเป็นหมุดหมายแรกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก
โดยสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันคือทำให้เป็นสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำให้ได้เสียก่อน ที่จะไปสู่ความเป็น Net zero ได้จริงๆ
นิยาม Low Carbon Architecture คืออะไร ?
สถาปัตยกรรมที่ใช้คาร์บอนต่ำหมายถึงการออกแบบและก่อสร้างอาคารโดยให้ความสำคัญกับการลดคาร์บอนจากทุกๆส่วนตั้งแต่การวางผัง, การเชื่อมต่อกับบริบทรอบข้างอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการใช้วัสดุสร้างอาคารที่มีความยั่งยืน การใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และการนำเข้าพลังงานจากแหล่งพลังงานสะอาดเพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในอาคาร
หลักการสำคัญของสถาปัตยกรรมที่ใช้คาร์บอนต่ำ นั้นจะประกอบด้วย :
การออกแบบแบบ Passive Design : คือการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพการใช้ธรรมชาติเช่นแสงแดด ร่มเงา และระบบระบายอากาศในการลดความต้องการใช้เครื่องทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และการใช้แสงสว่างให้มีบทบาทในการลดการใช้พลังงานให้ได้มากที่สุด
นวัตกรรมระบบที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมและติดตามการใช้พลังงาน : การติดตั้งระบบเช่น ไฟ LED ระบบ HVAC (ระบบปรับอากาศ) ที่มีประสิทธิภาพสูง และระบบควบคุมอาคารอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน
นวัตกรรมวัสดุที่มีความยั่งยืน : การใช้วัสดุที่มีพลังงานที่มีการผลิตมีกระบวนการที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ เช่น วัสดุจากท้องถิ่นหรือวัสดุรีไซเคิลเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการก่อสร้าง หรือ วัสดุจากธรรมชาติแบบประยุกต์เช่น Bio-material เป็นต้น
การใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างแหล่งพลังงานทดแทน : การรวมแหล่งพลังงานทดแทนเช่น แผงโซลาร์เซลล์ หรือ พลังงานลม เพื่อสร้างพลังงานในสถานที่ของอาคารนั้นๆให้ใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด
การอนุรักษ์น้ำ : การใช้ฉากสำหรับประหยัดน้ำและระบบ เช่น การรวบรวมน้ำฝนและการรีไซเคิลเพื่อลดการใช้น้ำภายในอาคาร
พื้นที่เขียว : การรวมหลังคาสีเขียว ผนังสีเขียว และการจัดสวนเพื่อปรับปรุงฉนวนอุณหภูมิ คุณภาพอากาศ และคำนึงถึงชีวิตจิตใจของสิ่งมีชีวิต
บทความโดยกองบรรณาธิการ InnovatorX lab
ติดต่อลงโฆษณา หรือ ติดต่อธุรกิจได้ที่
Line OA : @innovatorx หรือ https://www.facebook.com/InnovatorXbyWazzadu